Monday, April 11, 2016

บิณฑบาตร

การจัดตักบาตรคราวละ 1000 รูป 10000 รูป ที่เป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้ (ปี 2559) มีบางคนสงสัยว่า
    1.ทำไมต้องจัดใหญ่ๆ  ทำให้ต้องปิดถนน รถติด คนเดือนร้อน
    2. บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่
    3. เป็นการฟุ่มเฟือยหรือป่าว
    4. พุทธพานิชย์หรือป่าว
ในปัจจุบันนี้ โลกของเราร้อนขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ฤดูกาลแปรผันไปมาก ทำให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น  เช่น สึนามิที่ภาคใต้ของประเทศไทย ปี 2546 น้ำท่วมใหญ่ภาคกลาง ปี 2554 พายุนากิสถล่มเมียนมา แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล ภัยสงคราม ภัยก่อการร้าย ฯลฯ
    เมื่อเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆ ขึ้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เกิดภัยย่อมเดือดร้อนหนัก เสียชีวิตบ้าง ไม่มีที่อยู่อาศัยบ้าง ไม่มีอาหารและน้ำดื่มบ้าง ไม่มียารักษาโรคบ้าง
   เมื่อมีเหตุการณ์อย่างนี้อยู่บ่อยๆ ก็ได้มีชาวพุทธกลุ่มหนึ่งนำโดยพระสงฆ์จำนวนมาก จัดพิธีทำบุญตักบาตรขึ้นเพื่อรวบรวม ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ยารักษาโรค น้ำดื่ม เป็นต้น จากชาวพุทธผู้ใจบุญ ผู้มีศรัทธา เพื่อเตรียมไว้รองรับสถานการณ์ด้งกล่าว ซึ่งผู้มีศรัทธาต่างรู้ดีว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องการให้ทานเอาไว้ ในอนุปุพพิกถา คือ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามาทีนวกถา เนกขัมมานิสังสกถา  จะเห็นว่าพระองค์ทรงยกทานเป็นเบื้องต้น  เพราะฉะนั้นไม่มีการบิดเบือนคำสอน   
      ผู้ประสบภัยแต่ละครั้งมีเป็นจำนวนมาก เป็นแสน เป็นล้านคน เทียบกับข้าวของที่บิณฑบาตมาได้ถือว่ามีเล็กน้อย ยังขาดอีกมาก ฉะนั้นไม่ฟุ่มเฟือย
       ข้าวของที่ได้รับมาจากผู้ใจบุญ ถูกนำไปใช้ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังลำบากมากมาย ไม่ได้เอาไปขาย ฉะนั้น ไม่มีกำไร ไม่พุทธพานิชย์ 
         รถติด? ถึงบางครั้งอาจมีรถติดเนื่องจากปิดถนนบางช่องทางบ้าง  หากมีเหตุฉุกเฉินก็สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นได้ เพราะมีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าหลายวันแล้ว รถติดบ้าง






แต่ขอบอกว่าคุ้ม  และน่าอนุโมทนากับผู้มีส่วนเกี่ยวของทุกท่านด้วยอย่างยิ่ง

สรุป  พระทำหน้าที่เป็นตัวกลางรวบรวมของจากผู้ใจบุญส่งต่อผู้ประสบภัยเท่านั้น

         คนที่ต้องการความช่วยเหลือทำนองนี้
             รายต่อไป.....อาจเป็นคุณ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ๑. ทานกถา กล่าวคือทาน หมายถึง การพรรณนาคุณเรื่องการให้ทานและอานิสงส์ของการให้ทาน ว่าเป็นเหตุให้ได้รับความสุข เพราะผู้รู้จักให้เป็นที่รักใคร่ของคนหมู่มาก เป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์ทั้งปวง เป็นหลักประกันของชีวิตในเวลาจะสิ้นใจเป็นต้น

      ๒. สีลกถา กล่าวคือศีล หมายถึง การพรรณนาคุณเรื่องการรักษาศีลและอานิสงส์ของการรักษาศีลว่า ผู้มีศีล ย่อมไม่ประสบความเดือดร้อนเนื้อร้อนใจจากที่ไหนๆ เพราะมีศีลเป็นเหมือนอาภรณ์อย่างประเสริฐ เป็นหลักประกันในการได้สมบัติทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เป็นต้น

      ๓.  สัคคกถา กล่าวคือสวรรค์ หมายถึง การพรรณนาคุณเรื่องสวรรค์ว่า เป็นที่อันเพรียบพร้อมด้วยกามสุขอันเป็นทิพย์มีแต่สิ่งที่น่ารื่นเริงบันเทิงเริงใจ เป็นผลที่ได้รับจากการให้ทาน รักษาศีล เป้นต้น

      ๔. กามาทีนวกถา กล่าวถึงโทษแห่งกาม หมายถึง การพรรณนาโทษเรื่องของกามว่า แม้จะเป็นความสุข แต่ก็มีความทุกข์เจือปน ไม่มีความจีรังยังยืน มีโทษมากแต่คุณน้อย เพราะเป็นเหตุให้เวียนวายอยู่ในสังสารวัฏ เป็นต้น

       ๕. เนกขัมมานิสังสกถา กล่าวถึงอานิสงส์แห่งการออกจากกาม หมายถึง การพรรณนาถึงการออกจากกามและอานิสงส์ว่าเป็นความปลอดโปร่งจากสิ่งล่อเร้าเย้ายวน เพื่อให้เกิดความพอใจที่จะคิดค้นหาวิธีการทำใจไม่ให้หมกมุ่นในกามนั้น วิธีการออกจากกามให้ได้ผลดีก็คือการออกบวชบำเพ็ญเพียร
- See more at: http://www.xn--12c9b1aha5ai6e7a.com/2013/09/anupupphikatha-5.html#sthash.T2S2EOPB.dpuf